Skip to content

โครงการวิจัยบอกต่อ

“โครงการวิจัยและบอกต่อ”  ก่อตั้งขึ้นเพื่อสะท้อนปัญหาของคนชรายากไร้และบอกต่อเรื่องการแก้ไขปัญหา ผ่านช่องทางในสื่อโซเชียลฯอย่างต่อเนื่อง

มูลนิธิสายธารสุขใจก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2561 ตลอดระยะเวลาทำงานที่ผ่านมาจวบจนถึงปัจจุบันมูลนิธิฯได้ทำการจัดเก็บข้อมูลที่สำคัญในปัญหาและวิธีการช่วยเหลือคนชรายากไร้ไว้อย่างต่อเนื่อง ข้อมูลและรายละเอียดในหลายๆ ส่วนถูกนำไปใช้เพื่อการวางแผนงานสำหรับการขยายผลและการพัฒนาช่วยเหลือคนชรายากไร้ในอนาคต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนชราในยุคปัจจุบันและอนาคต (คนรุ่นใหม่ที่ต้องก้าวเข้าสู่วัยชรา ) โดยนำประสบการณ์ตรงเหล่านี้มาวิเคราะห์หาสาเหตุและคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อจะให้คนรุ่นใหม่ไม่ดำเนินชีวิตอย่างผิดพลาดจนทำให้เป็นคนชรายากไร้ 

นับเป็นงานที่ท้าทายเพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบเรื่องวิชาการ ความเครียดและเรื่องที่ไกลตัว แต่ทางมูลนิธิฯ ได้มีโอกาสเห็นภาพของคนชรายากไร้ที่มีความทุกข์หนักจากปัญหาหลายๆ ด้าน คนชราแทบทุกคนที่ทางมูลนิธิฯ เข้าไปช่วยเหลือ หลายต่อหลายครั้งแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป จึงไม่อยากให้ความทุกข์นี้เกิดขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่งในวันข้างหน้า

ปัญหาของคนชรายากไร้ จึงมีความซับซ้อนเกี่ยวโยงกับการใช้ชีวิตในทุกช่วงวัยและมีมิติของปัญหาที่แตกต่างกันตามลำดับหนักเบาไม่เท่ากัน ดังนั้น มูลนิธิฯ จึงได้วิเคราะห์ข้อมูลในการแก้ไขปัญหาจากหลายองค์ความรู้ เช่น การเข้าไปสอบถามถึงประสบการณ์ของคนชราโดยตรง ,การค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือ ,การสอบถามผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน

สถาบันครอบครัว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมากที่สุด มีอิทธิพลและบทบาทในพฤติกรรมของมนุษย์ทุกคน หากครอบครัวแข็งแกร่ง มีความรักใคร่ ปฏิบัติดีต่อกัน เป็นแบบอย่างที่ดี เป็นกำลังใจให้กัน และกัน คนในครอบครัวมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ต่อให้มีปัญหากันบ้างในบางครั้ง ก็เป็นเรื่องปกติและผ่านไปได้ เพราะมีจุดยืนร่วมกันคือ ความรักที่มีต่อกัน โอกาสที่ชีวิตในบั้นปลายเป็นคนชรายากไร้ก็จะมีน้อยลง ครอบครัวต้องวางรากฐานของลักษณะนิสัยที่ดีนี้โดยการอบรม สั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนบุตร เป็นการสร้างหลักปฏิบัติที่ถูกต้องทำให้ลูกหลานดำเนินชีวิตได้อย่างมีมาตรฐานไม่ออกนอกลู่นอกทาง ต้องอบรมสั่งสอนให้ลูกหลานเรียนรู้ พัฒนาตนเองตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งด้านจริยธรรม คุณธรรม ตั้งใจเรียนประกอบสัมมาอาชีพทุกอย่างด้วยความขยันขันแข็ง เก่งในการใช้ชีวิตอย่างเดียวคงไม่พอ สำคัญคือต้องเป็นคนดีควบคู่ประกอบกัน

แต่อีกด้าน ความจริงที่เจ็บปวดคือพ่อแม่บางคนอาจจะไม่มีคุณสมบัติหรือความพร้อมในการถ่ายทอดสิ่งที่ดีให้กับบุตรเท่าที่ควร

มูลนิธิฯ มิได้มีเจตนากล่าวหาหรือพิพากษาใครคนใดคนหนึ่ง เพราะเข้าใจว่าทุกชีวิตล้วนมีพื้นฐานที่มาแตกต่างกัน มูลนิธิฯ เพียงแต่เล็งเห็นและตระหนักในจุดนี้ว่า เราควรมีวิสัยทัศน์ที่ดีในการใช้ชีวิต เพื่อที่ภายภาคหน้าจะได้ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิตและเรียนรู้วิธีรับมือแก้ไขปัญหาในระยะยาวสืบเนื่องต่อไป