เพื่อเป็นการสนับสนุนกลุ่มคนชรายากไร้อย่างเต็มรูปแบบ ในปี พ.ศ.2559 ได้มีการรวบรวมคณะกรรมมูลนิธิ 10 ท่าน ช่วยกันระดมความคิดในการช่วยเหลือ และดำเนินการหาแนวร่วมในการสนับสนุนงานของมูลนิธิ ให้มีโครงการในการช่วยเหลือคนชรายากไร้อย่างต่อเนื่องและหยั่งยืน และได้ข้อมูลจากการสรุปสำคัญประการหนึ่งว่า
ในอนาคตอันไม่นานนี้ ประเทศไทยกำลังเริ่มต้นก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ คือจะมีจำนวนคนชรามากขึ้น และจะมีกลุ่มคนชรายากไร้ ซึ่งไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างเต็มที่ ในยุคซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ในยุคของการเพิ่มขึ้นของอัตราประชาชนของกลุ่มผู้สูงวัยนี้ มีการแข่งขันของทางด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
จึงทำให้กลุ่มคนชรายากไร้นั้น เป็นกลุ่มที่อยู่ข้างหลังของภาคเศรษฐกิจ เป็นกลุ่มตัวเลือกสุดท้ายในกลุ่มแรงงาน รายได้ในกลุ่มวัยคนชรายากไร้นี้น้อยมาก เพราะความจำกัดด้านร่างกาย การเสื่อมถอยของกำลังและความคิด ของคนชราส่วนใหญ่เป็นช่วงที่อยู่ในการพักฟื้นทางด้านร่างกาย
ซึ่งมาจากการใช้งานหนักและตรากตรำมาทั้งชีวิต ดังนั้นกลุ่มคนชรายากไร้ที่ลูกหลานยังไม่รายได้ไม่พอที่จะช่วยเหลือ จึงเป็นกลุ่มที่มีความขัดสนมากที่สุด บางรายไม่มีเงินรักษาตัว หลายรายขาดอาหารและสิ่งของจำเป็นในการดำรงชีวิต หลายรายถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพัง เป็นเรื่องที่น่าตกใจคือสถิติการถูกทอดทิ้งนั้นมีมากขึ้นและอัตตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มคนชราในยุคนี้มีมากขึ้น
ซึ่งมีเป็นยุคในการแข่งขันด้านเวลาเศรษฐกิจ และการเอาตัวรอด ซ้ำร้ายบางรายไม่ถูกทอดทิ้งแต่ลูกหลานไม่ดูแลเอาใจใส่ ไม่พูดคุยด้วย แม้ยามเจ็บป่วยก็ไม่พาไปรักษา ทำให้เกิดบาดแผลทั้งทางกายและจิตใจ มูลนิธิสายธารสุขใจเข้าใจในปัญหาดังกล่าว พร้อมที่จะเป็นตัวแทน อาสาที่จะเข้าไปดูกลุ่มคนชรายากไร้นี้
เพื่อประโยชน์สุขของสังคมมูลนิธิสายธารสุขใจมีความตั้งใจและมีความหวังอยู่เสมอ เชื่อมั่นในความมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ที่มีให้ต่อกัน และยินดีที่จะจับมือกับทุกฝ่ายช่วยเหลือกลุ่มสังคมที่เป็นปัญหาบอบบางนี้ ให้ได้รับการแก้ไขและให้มีการพัฒนา ชนะทุกปัญหาและทุกอุปสรรค และอยากที่จะเห็นคนชรายากไร้มีรอยยิ้ม มีความหวัง เรา เราเชื่อมั่นในการเริ่มต้นในวันนี้วันนี้และลงมือทำอย่างแท้จริง และเชื่อมั่นเสมอว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาทางสังคมตรงจุดนี้ให้ลดน้อยถอยลงได้ครับ